นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงข้อเสนอของบางพรรคการเมืองที่ให้รัฐบาลปัจจุบันรักษาการยาว 10 เดือน ก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่าการที่รัฐบาลรักษาการยาวนานออกไปจะกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดินในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของการจัดทำงบประมาณ และการทำงบประมาณการลงทุนที่ไม่สามารถทำได้ในส่วนที่เป็นงบลงทุนใหม่ โดยหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปกว่า 10 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นสมมุติฐานที่ยาวนานที่สุดก็จะกระทบกับการจัดทำงบประมาณถึง 3 ปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 67-69 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะปกติการจัดทำงบประมาณจะล่าช้าไปไม่กี่เดือนเท่านั้นคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต pg
ทั้งนี้ สศช. ได้ประเมินวงเงินที่จะลงไปในระบบเศรษฐกิจเฉพาะ 2 ไตรมาสหลังจากที่หมดปีงบประมาณ 66 ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีเม็ดเงินที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงที่ใช้งบประมาณไปพลางก่อนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท โดยเป็นวงเงินจากภาครัฐ 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งมาจากการเบิกจ่ายงบประจำ และงบลงทุนที่มีการผูกพันไว้แล้ว ส่วนอีก 2 แสนล้านบาท เป็นเม็ดเงินที่มาจากการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากการจัดทำงบประมาณล่าช้าออกไป ก็ต้องไปดูว่าจะมีเม็ดเงินจากรัฐวิสาหกิจที่ลงทุนได้เพิ่มหรือไม่ ส่วนเม็ดเงินการลงทุนจากภาครัฐที่เป็นรายการใหม่นั้น ไม่สามารถทำได้เพราะต้องมาจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
อย่างไรก็ตามนอกจากการจัดทำงบประมาณและการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนที่ล่าช้า อีกส่วนที่จะกระทบก็คือการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ (เอฟทีเอ) รวมทั้งความตกลงต่างๆ ที่มีการเจรจาหารือกับต่างประเทศไว้แล้วต้องการการลงนามในสัญญาที่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการนั้น จะไม่สามารถขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เป็น ครม. รักษาการได้ ซึ่งในส่วนนี้ก็จะกระทบการค้า การลงทุนซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจที่ควรจะได้รับด้วย ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงนั้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากเมื่อ ครม. เห็นชอบในการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ก็ต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาด้วย ซึ่งอาจมีความล่าช้าออกไป